National Health Security Office (NHSO) District 5, Ratchaburi
  • แสดงผลพื้นหลังสีดำตัวหนังสือสีขาว 
  • แสดงผลสีแบบปกติ 
  • แสดงผลพื้นหลังสีดำตัวหนังสือสีเหลือง 
  • larger 
  • default 
  • smaller 
  • เปลี่ยนการแสดงผล

    เปลี่ยนภาษา

ประชาสัมพันธ์

รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี นำร่องเก็บสิ่งตรวจ DNA

11 สิงหาคม 2566 โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี  ตัวแทนพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้มีปัญหาสถานะบุคคลให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์    ชี้พิสูจน์ DNA ได้ในพื้นที่ไม่ต้องมาตรวจที่ส่วนกลางจะทำให้กระบวนการขอรับบัตรประชาชนรวดเร็วขึ้น

วันนี้ (11 ส.ค. 66)  โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เครือข่ายภาคีองค์กรประชาชน และ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการภาคีเครือข่ายและอบรมปฏิบัติการเก็บสิ่งส่งตรวจสารพันธุกรรม(DNA) เพื่ออบรมและประสานเครือข่ายการพัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของกลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสิทธิสถานะ /กลุ่มคนไทยไร้สิทธิ์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีองค์กรเครือข่ายต่างๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจ.กาญจนบุรี กลุ่มคนไร้บ้านกาญจนบุรี และเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆ เข้าร่วมประชุม
พญ.ปรียาพรรณ  เพชรปราณี  หัวหน้ากลุ่มนิติเวชคลินิก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า “งานให้ความช่วยเหลือคนไทยไร้สิทธิ ที่ต้องหาคำตอบสุดท้ายเพื่อพิสูจน์สถานภาพความเป็นคนไทย ด้วยการตรวจสารพันธุรรม(DNA) ต้องขอขอบคุณ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นภาคีองค์กรประชาชน อย่างเช่น ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดกาญจนบุรี กลุ่มคนไร้บ้านจังหวัดกาญจนบุรี ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดกาญจนบุรี  และที่สำคัญก็คือทางโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ที่ได้อาสาร่วมเป็น เครือข่าย และเป็นสถานที่จัดเก็บสารพันธุกรรมให้กับคนไทยไร้สิทธิ ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน เพื่อส่งต่อไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมในการที่จะทำให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการลดรายจ่ายและลดเวลาในการเดินทางและที่สำคัญก็คือเป็นการอำนวยความสะดวก
ภญ.ยุพดี  ศิริสินสุข รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า “จากการที่หน่วยงานเริ่มต้น 9 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้ร่วมลงนามบันทึก โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิของคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน มีการกำหนดประเด็นภารกิจของแต่ละหน่วยงาน  เพื่อให้ได้สิทธิอื่นๆ ตามมา เช่น สิทธิหลักประกันสุขภาพ(สิทธิบัตรทอง) โดยเฉพาะคนไทยไร้สิทธิที่ได้บัตรประชาชน แล้วเคยขอรับการสงเคราะห์ค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาล ให้ทางโรงพยาบาลเคลมเบิกจ่ายค่ารักษา ค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการสาธารณสุขได้ตามระบบ หลังขอขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรทอง ตามมาตรา 6  ซึ่งบัตรประชาชนเป็นจุดเริ่มต้นที่จะได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลและสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากรัฐ ด้วย”
 
ด้านนายแพทย์ ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย ประธานคณะทำงานพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข คนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน เผยว่า เป็นการร่วมกันทำงานและประสานงานของภาคีเครือข่าย เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา คนไทยที่มีปัญหาสิทธิทางทะเบียนหรือเรียกง่ายๆว่า คนไทยไร้สิทธิ ก็เป็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันของ 9 หน่วยงาน โดยมี สสส.เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณหลัก เป็นเรื่องของการพยายามที่จะให้คนไทยที่ไร้สิทธิสถานะไม่มีสิทธิ์ความเป็นคนไทย ไม่มีเลข 13 หลัก สามารถกลับมาเป็นคนไทยได้ ซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายที่สามารถทำได้แต่ต้องมีหลักฐานพอสมควร หลักฐานหนึ่งที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์กับการคืนสิทธิการเป็นคนไทย ให้กลุ่มคนเหล่านี้คือการตรวจ DNA   เพื่อพิสูจน์ความเป็นคนไทย กับคู่เทียบ ซึ่งอาจจะเป็นสมาชิกในครอบครัว ที่มีบัตรประชาชน มีเลข 13 หลักอยู่แล้ว ซึ่งหากตรวจสารพันธุกรรมตรวจ DNA ได้ ผลตรวจตรงกัน เราก็สามารถคืนสิทธิ์ความเป็นคนไทยให้เขา ออกเลข 13 หลักให้เขาได้ตามกฎหมาย
 
ด้านนายณัฐพงศ์ เหมือนรุ่ง และน.ส.วรรณา แก้วชาติ  มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย   กล่าวว่า  การเข้ามาทำงานของเรื่องคนไทยไร้สิทธินั้น ทำงานเป็นเครือข่ายโดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประสานงานกับองค์กรประชาชนในพื้นที่ อย่าง ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดกาญจนบุรี กลุ่มคนไร้บ้านจังหวัดกาญจนบุรี กรณี  เมื่อเจอผู้มีปัญหา ผู้ไม่มีเลข 13 หลัก ไม่ได้รับสิทธิในการรักษา หรือสวัสดิการ โรงพยาบาลที่เป็นภาคีเครือข่ายร่วมกันกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ/จังหวัด จาก สสส. สปสช. ก็จะเข้าทำการช่วยเหลือและประสานเครือข่ายสืบค้นต่อไป ในส่วนของตนนั้นอยู่ส่วนของการติดตามค้นหา ประสานกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนของในพื้นที่ เข้าติดตาม ตามหา ตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ น้อง ค้นหาว่ายังมีใครที่หลงเหลือ เพื่อหาพยานหลักฐานให้นายทะเบียนที่ต้องการเพิ่มเติม เพื่อนำเข้าสู่ขบวนการ ตรวจ DNA ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสถานะทางทะเบียน หรือคนไทยไร้สิทธิ จนไปถึงขั้นตอน ทราบผลว่าเป็นคนไทย ให้ได้รับการช่วยเหลือแก่ผู้ยากไร้ จากภาคีเครือข่าย จากอำเภอ จากโรงพยาบาล จาก สปสช. จาก สสส. เป็นต้น เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น บางราย ต้องหลบซ่อน หลบหนี หรือเจอหลอกลวงจากผู้หาผลประโยชน์ ที่แอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้มีเลข 13 หลักได้ สูญเงิน เสียทรัพย์สิน 
    นพ.รักษ์พงศ์  เวียงเจริญ รอง ผอ.โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา  กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่กระทรวงยุติธรรมให้โอกาสโรงพยาบาลได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลให้แก่ผู้มีปัญหาด้านสถานะให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ วันนี้เป็นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บตามมาตรฐานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ผ่านมา โรงพยาบาลพบว่า มีคนไข้จำนวนหนึ่งที่มารักษาแล้วโรงพยาบาลต้องให้การอนุเคราะห์ บางรายเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งหากต้องอนุเคราะห์ต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ทราบว่าจะมีจุดสิ้นสุดตรงไหน เมื่อสอบถามข้อมูลจึงพบว่าคนกลุ่มนี้บางคนไม่มีบัตรประชาชนจึงไม่มีสิทธิการรักษาพยาบาล  จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ชายขอบ ชายแดนไทย-พม่า ซึ่งมีสภาพของกลุ่มชาติพันธ์ที่หลากหลาย การเดินทางสัญจรไปมายากลำบาก อาศัยตามชายขอบ  รวมทั้งเด็กที่เกิด ไม่ได้รับการแจ้งเกิด และกลุ่มคนไทยจากภาคอื่นที่มาเป็นแรงงานรับจ้าง ตัดไร่อ้อย แล้วย้ายไปตัดอ้อยตามที่ต่างๆ  เนื่องจากความยากจน เข้าไม่ถึงการบริการด้านสุขภาพ จากตัวเลขของกลุ่มคนที่คิดว่าจะเป็นคนไทย แต่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ในปี 2563- 2566 มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ต้องสงเคราะห์มากกว่า 6 ล้าน ซึ่งในโอกาสต่อไป จะได้ประสานงานกับโรงพยาบาลอื่น ดำเนินงานเป็นเครือข่ายการทำงานต่อไป